สารบัญ: คลิ๊กเลือกอ่าน
เรียนไสยศาสตร์ ไม่มีครูเขาเรียกว่า “ไอ้บ้า” โดย ทรรพเอก
๏ ขอยกเอาบทความของครูของต้นแบบชีวิตของผมท่านหนึ่งมาให้อ่านนะครับ ผมเห็นว่ามันสำคัญมากต่อการเรียนสิ่งใดๆ ทั้งเรียนทางโลก กรรมฐาน และวิชาว่านยา ไม่ใช่เพียงแต่ไสยศาสตร์เท่านั้น เพราะไสยศาสตร์ตามนิยามของผมก็คือกรรมฐานโดยกุศโลบายที่ปรับใช้ในสยามประเทศครับ….ผมไม่ได้แปลไสยศาสตร์ว่าเป็นศาสตร์แห่งการหลับหรือศาสตร์แนวขวางอย่างคนอื่นเขานะครับ ๚ะ๛
ตอนที่ ๑ เรื่องน่าเศร้า
วันนี้ ที่บ้านผมนิมนต์พระมาเจริญพุทธมนต์ที่บ้าน ท่านเจ้าอาวาสวัดใกล้บ้านท่านเองทำตัวเป็นเกจิมาช้านาน ผมเข้าไปนั่งสนทนาด้วย ท่านได้ยินเรื่องเล่าของผมมาบ้างจึงชวนคุยเรื่องไสยศาสตร์ ท่านหลุดมาว่า “ก็ซื้อตำราตลาดมาลอกๆ ก็ใช้ได้แล้วเพราะจิตเราดี” ผมยิ้มๆ ไม่ต่อความ
ประเด็น เรื่องจิตผมถือเป็นนามธรรม ใครจะพูดอย่างไรก็ได้ ผมเห็นปลอมมากกว่าจริง แต่ “ตำราตลาดใครๆ ก็ลอกได้” ทำให้ผมเศร้าและสะท้อนใจ
ตอนที่ ๒ ตำราตลาด
คำว่า “ตำราตลาด” ถ้าใช้ในแง่ร้ายผมก็ขอค้าน เพราะ อ.เทพย์ สาริบุตร ของผม ผู้ถือได้ว่าเป็นไม้ร้อยโอบ ผู้มีคุณูปการ ตำราของท่านจึงนับว่ามาตรฐาน กว่าตำรา “ชาวบ้าน” ที่มุขปาถสืบกันมา พระเกจิในเมืองไทยร้อยละเก้าสิบ แอบใช้ตำราท่าน แต่ไม่กล้าเปิดเผย เพราะอายที่เอาวิชามาจากตำราตลาด มิหนำซ้ำฆราวาสเป็นคนเขียน
ตำราอ.เทพย์ได้มาตรฐานสมบูรณ์มากจนไม่มีใครโต้แย้งได้ จะมีข้อจำกัดก็คือ ตำรานี้ท่านไม่ได้บอกจนหมดเปลือกแบบแบไต๋ ท่านกล่าวว่า “บอกหมดอาจารย์ก็เต็มบ้านเต็มเมืองนะสิ” ท่านพูดและหัวเราะ คงเป็นอารมณ์ขันมากกว่าการหวงวิชา เพราะแท้จริงแล้วไสยศาสตร์มีธรรมเนียมบางประการทำให้ท่านบอก เท่าที่บอกได้
นักพุทธศาสตร์มักดูถูกวิชาไสยศาสตร์(แบบพุทธ) ว่าเป็นศาสตร์ทางขวาง แต่ตลอดเวลาหลายปีที่ผมศึกษาค้นคว้า ผมพบว่า
ถ้า เราเชื่อว่าสมถะเป็นพื้นฐานของ วิปัสสนา อย่างพวกลัทธิเจโตวิมุตแล้ว ไสยศาสตร์ก็มิใช่เดียรัจฉานวิชา แต่กลับเป็นวิชาชั้นสูง ในฐานะเป็นพื้นฐานแห่งการหลุดพ้น
การศึกษาไสยศาสตร์แค่ผิวเผินซะ อีกทำให้เราพบแต่กระพี้ จึงเห็นแค่ประโยชน์ทางโลกแบบโลกีย์วิสัย เมื่อนักพุทธศาสตร์มีฐานความคิดดูถูกไสยศาสตร์แล้ว จึงขาดความนับถือวิชาเหล่านี้ด้วย
ตอนที่ ๓ ครู คือสิ่งจำเป็นทางไสยศาสตร์
ศาสตร์ของไทยแต่โบราณแทบทุกแขนง ต้องมี “ครู”ทั้งนั้น เหมือนคำอีสานที่ว่า “หมกปลาแดกมีครูจี่ปูมีวาท” โดยเฉพาะไสยศาสตร์ด้วยแล้ว อ.ชุม ไชยคีรีท่านกล่าวว่า “ไสยศาสตร์ คือคำสั่งครู” เมื่อแรกเรียน จึงต้องมีการเคารพครูขอเป็นศิษย์ มีขัน มีดอกไม้มาคารวะเสียก่อนตามทำเนียมของศาสตร์นั้นๆ เพราะเคารพครูก็เท่ากับเคารพวิชา เป็นการแสดง ถึงฉันทะ ที่จะบอกว่า ศิษย์คนนั้นมีโอกาสสำเร็จวิชา ตามหลักอิทธิบาทสี่ ครูเองก็มีโอกาสเรียนรู้ว่าศิษย์เหมาะแก่การสืบวิชาหรือไม่? โดยพิจารณาจาก สติปัญญา ความหมั่นเพียร และคุณธรรม
คงจำกลอนสุนทรภู่ได้นะครับ พระอภัยมณี ศรีสุวรรณ หลังสำเร็จวิชาจากอาจารย์ทิศาปาโมก แล้ว อาจารย์เอาเงินคืนหลังจากเก็บค่าเรียนสุดแพง ท่านว่า
“ไม่ได้ประสงค์ซึ่งสิ่งสุวรรณ แต่จะกันมิให้ไพร่ได้วิชา”
ที่กล่าวมาไม่ใช่ว่าครูหวงวิชา แต่เป็นการ “รักษาความบริสุทธิของวิชา” ให้สืบไปภายหน้า ให้ห่างจากพวก นอกครู (พวกนักประยุกต์ ตำรา ก็ถือว่านอกครู)
ในขณะศึกษาเล่าเรียน ครูจะดูแลศิษย์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้รับความรู้ที่ถูกต้อง บางเรื่องซับซ้อน มีกลเม็ด ที่เขาว่า “วิชาหาง่ายแต่แยบคายนั้นหายาก” นั่น แล บางอย่างพลาดพลั้งมีอันตรายต้องมีผู้ชำนาญทำให้ดู ที่เขาเรียกว่า “ฝีมือชั้นครู” นั่นเอง บางอย่างเป็นวิชาลับไม่อาจจดในตำราตรงๆ ขณะศิษย์อ่านหรือลอกตำรา ครูต้องคอยสอนให้เห็นวิธีการบังวิชาในแบบต่างๆ เช่นจดสลับหน้า ,กลตัวเลข ,ตัวข่มตัวสับ,กลกุ้งนอนเฟย ฯลฯ
การค่อยๆ เรียนอย่างมีระบบแบบแผน ภายใต้การดูแลของครูนี้เรียกว่า “การต่อวิชา”
ตอนที่ ๔ พ่อครู
นอก จากสอนเรื่องวิชาแล้ว ต้องสอนเรื่องจรรยาด้วย และวิชาชีพทุกอย่างต้องมีจรรยาบรรณของตนเอง อันเป็นการวางระบบ กติกา มารยาท ของสังคมที่สืบทอดวิชานั้นๆ ด้วย จะเห็นได้ว่า เวลาที่ศิษย์ครูมีให้กันนั้นยาวนาน ศิษย์แทบจะกินนอนอยู่บ้านครูทีเดียว ความรัก ความผูกพันจึงเกิดขึ้น
ศิษย์จึงยกให้ว่า “พ่อครู” จะเห็นได้ว่า ครู ในความหมายของเรา จะหนักแน่นมากกว่า ผู้สอนวิชาให้ ดังนั้นไสยศาสตร์จึงมีหลายเรื่องที่มีความสำคัญมากกว่า ตัวคาถา หรือลายยันต์
ดังที่คนรุ่นหลังที่ต่ำตื้นเขาใจกัน ผมเห็นหลายผู้คน ที่เสกของ พอวิชาไม่ถึง (ไม่พิถีพิถัน ดังจารีตควรจะเป็น) ทำพิธีแต่พอลวกๆ แต่มักง่าย อ้างผู้คนเรียกศรัทธาว่า “เราเชิญครู (ดวงจิต) มาช่วยเสกให้แล้ว ”ผมเห็นว่า แค่เคารพวิชายังทำไม่ได้ จะเรียกว่าเคารพครูได้อย่างไร !! บางคนยกขันบูชาครูตามทำเนียมก่อนเรียนก็ยังไม่เคย ,กล่าววาจารับประสิทธิก็ยังไม่เคย เราจะเอาอะไรมาแสดงว่าท่านเป็นครูเรา และแน่ใจอย่างไรได้ว่า ครูท่านถือเราเป็นศิษย์บทไหว้ครูที่มักจะท่องกันผิดๆ คือ “ขอเชิญครู ผู้อยู่ในถ้ำ จงมาช่วย อวยพรให้” จริงแล้ว คือ “ครูผู้อยู่ในธรรม” หรือ “ครูโดยธรรม” (นึกความหมายไม่ออก นึกถึงคำว่า ลูกบุญธรรม ) นั่นหมายถึงการเป็นครูศิษย์กันอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม โดยไม่ขาดสาย ศิษย์จึงมีสิทธิที่จะอัญเชิญครูได้ เมื่อเป็นครูเป็นศิษย์กันโดยชอบแล้ว เราจึงมี “สิทธิ” เรียน ใช้ วิชาของท่านได้
ดังนั้นพวกที่ได้เฉพาะตำรามาเรียนเอง กระทั่งสิทธิ์ที่จะอ่าน เรียน ใช้ วิชชาเหล่านั้นก็ยังไม่มี ก็ไม่ต้องพูดถึง ขลังไม่ขลัง คนเรียนวิชาด้วยตนเอง ยังเหมือนถูกสาปกับสิ่งที่เรียกว่า “ธรณีสาร” คือความอัปมงคลของการนอกครูนอกจารีต
เรื่องครูและศิษย์นี้นี้ยังมีปลีกย่อยไปอีกหลายเรื่อง เช่น ครูคนนั้นเป็นครูโดยชอบหรือไม่,การรับวิชชาหรือประสิทธิ์วิชา นั้นชอบหรือไม่ ถ้าไม่ชอบด้วยจารีต ก็ต้องธรณีสาร ทั้งครูและศิษย์ วิชาที่ได้จึง กำมะลอ ย้ำว่าครูทางไสยศาสตร์ไม่ ใช่คิดจะตั้งตนเป็นเมื่อไรก็ทำได้อย่างปัจจุบัน บูรพาจารย์ต้องคัดสรรตามมาตรฐาน และต้องมีพิธีการเป็นพิเศษอีกด้วย
ครูจึงเป็นเรื่องสำคัญมากในทางไสยศาสตร์ หากไม่มีครู ก็ไม่มีสิทธิที่จะเรียนวิชา!! มีเรื่องเล่าที่น่าถือเป็นอุทธาหรณ์ว่า เจ้าคุณศรี(สนธิ) แห่งวัดสุทัศผู้เป็นศิษย์ใกล้ชิดพระสังฆราชแพ คราวนั้น มีหนุ่มคนหนึ่งมาสนทนากับท่าน เล่าว่าร่ำเรียนคาถาอาคมมา ท่านจึงถามว่า เรียนมาจากใคร เขาตอบว่า เรียนด้วยตัวเองไม่มีอาจารย์ ท่านมองหนุ่มคนนั้นหัวจรดเท้า แล้วกล่าวว่า “ไอ้บ้า”
และนี่คือที่มาของชื่อบทความว่า เรียนไสยศาสตร์ ไม่มีครูเขาเรียกว่า “ไอ้บ้า”
….จากบทความข้างต้นคงได้แง่คติอะไรไม่มากก็น้อย สมัยก่อนการจะได้ของดีบางอย่างไม่ง่ายเลย ทุกวันนี้ครูท่านลดขั้นตอนให้มาก ป้อนให้ทุกอย่างจนแทบจะเคี้ยวให้เลย ที่ทำไปก็เพื่ออนุรักษ์วิชาให้ลูกหลานได้ใช้เป็นมรดกของแผ่นดิน…ค่อยๆดูกันไปครับ ทีมงานมีแผนโครงการเป็นลำดับขั้นในใจอยู่แล้ว…แต่ต้องอาศัยเวลาบ่มเพาะกันไป…
การเล่นว่านนี้ไม่ใช่ของง่ายนักนะครับ(แต่ก็ไม่ยากเกินไป พูดกันหมดกำลังลังใจไว้ก่อน อิอิ..) เล่นว่านไม่มีครูนี่จะหลงเอาได้ง่ายๆ…และเสียเวลามาก…. บางท่านอาจพ้อว่า ไม่มีโอกาสยกครูถูกต้อง ก็ไม่ต้องเสียใจครับ การเล่นว่านมีหลายระดับ ระดับพื้นฐาน อ.ณรงค์ศักดิ์ อ.นพถ่ายทอดให้หมดแล้วในตำรา ก็เสาะหาตำราของทั้ง ๒ ท่านมาอ่านเอานะครับ สงสัยก็เข้ามาซักถามกันในกลุ่ม ว่าน สมุนไพร ไม้มงคลไทย โดย ณรงค์ศักดิ์ ค้านอธรรม นี้ได้ กลุ่มนี้เปิดรับเสมอ แต่บางครั้งอาจจะตอบสนองช้าบ้างเพราะแต่ละท่านไม่ได้ว่างกันตลอด ก็ไปๆมาๆครับ แต่ไม่ทิ้งกลุ่มนี้แน่…เล่นว่านกันให้สนุกนะครับผม…
ผู้เขียน : อาจารย์เอก นาครทรรพ
ผู้เรียบเรียง : คุณอรรถ บ้านสวนสุขสบาย
ผู้เผยแพร่ : ทีมงาน www.farmssb.com
เครดิตภาพและบทความ : ว่าน สมุนไพร ไม้มงคลไทย โดย ณรงค์ศักดิ์ ค้านอธรรม
อรรถ บ้านสวนสุขสบาย
๑๔ ส.ค.๕๗ (รีรัน ๓๐ มิ.ย.๖๔)