ชื่ออื่นๆที่เรียกกัน
กกหัวแดง (ไชยนาท) หญ้ากกทราย (นครสวรรค์) หญ้ากกดอกขาว (ทั้งสามชื่อนี้อ้างอิงตำรา แต่เอาเข้าจริงเรียกกันผิดเด้อ เพราะหน้าตามันคล้ายกัน ชื่อที่ถูกที่สุดก็ “เสน่ห์จันทน์ทอง” นั่นแหละ)

ว่านนี้น่าสนใจอย่างไร
เป็นว่านที่นิยมใช้กันมาแต่โบราณ(ว่านเก่าจริงๆ) นับเป็นว่านที่เลี้ยงยากต้นหนึ่งและพบในธรรมชาติน้อยมาก เป็นว่านทางเเมตตาร่มเย็นที่หนุนชูชีวิตโดยรวมให้ดีขึ้น ปลูกในบ้านเป็นศิริมงคล ให้มีความเจริญรุ่งเรือง ไม่เร่าร้อน หรือทำให้เดือดร้อนแบบว่านดอกทอง (ถ้าเอาไม่อยู่ หรืออีกกรณีคือดันไปเจอดอกทองต้นแท้ๆ ต้นท็อปๆ ซึ่งก็หายากอยู่ ..เคยมีครับ ทิ้งไปแล้ว…กลิ่นโชยทีไรได้เรื่องครับ ไม่ต้องถามหลังไมค์ครับเด้อ ไม่ขอบอก บอกได้แต่ว่าคนละต้นกับที่เฮเล่นกันครับ เพราะต้นดังตำนานที่มันได้กลิ่นแล้วเกิดอารมณ์มันอันตรายเกินไปจริงๆ เขาเลยบังเอาไว้ไม่บันทึกตรงๆในตำรา)
* ขออภัยหากข้อมูลนี้ตรงเกินไป และจี้จุดใครๆ เพียงต้องการให้ข้อมูลอีกแง่มุมที่ไม่ค่อยมีใครกล้าออกมาพูดเท่านั้น….
ว่านนี้เป็นว่านคลาสสิกในใจต้นหนึ่ง เพราะกว่าผมจะเอาอยู่นี่นานมาก…ว่านนี้ปลูกทิ้งขว้างไม่ค่อยได้… ตัวต้องอยู่กับว่าน (อย่างว่านต้นอื่นผมปลูกสวนกำแพงเพชรจะไม่เป็นไร ต้นนี้กับกวักพุทธเจ้าหลวง ตัวอยู่ไหนต้องเอาไปด้วยถึงงอกงาม) ไม่งั้นไม่ค่อยรอด…

ต้น / สายพันธ์ที่ผมโอเค..
ต้นที่ผมให้ความเชื่อถือ … เพราะคัด เสกเลี้ยง และทดลองใช้กันแล้ว (ทั้งด้วยประสบการณ์ตัวเองหรือคนอื่นๆ) คือ
๑. ต้น อ.ณรงค์ศักดิ์ ดอกมีเอกลักษณ์แตกต่างจากต้นสายป้าบุญช่วย: ต้นนี้ผมยังไม่มี แต่สัมผัสบ่อยตอนไปช่วยงานที่บ้านอาจารย์
๒. ต้น อ.นพคุณ (ต้นป้าบุญช่วย) ใบจะพริ้วอ่อนกว่า: ปัจจุบันมีอยู่
๓. ต้น อ.ฮายด์ (ผ่านการทดลองใช้จริงมาหลายรุ่น): เคยผ่านมือ และเอาไม่อยู่ครับ
๔. ต้น อ.จัย (ต้นป่าลพบุรี) ฟอร์มใบจะแข็งด้านกว่า ซึ่งอย่างที่บอกว่านนี้ในป่าพบยากจึงเป็นของหายาก (แรไอเต็ม) ต้นนี้ผมลองปลูกมา ๑ ปี แล้วถือว่าดีจริง “กล่อมว่าน” ค่อนข้างง่าย ผ่าน!! เกณฑ์ครับ
ลักษณะ
ต้นและใบเหมือนต้นแห้วหมูแต่หัวใหญ่กว่า ดอกขาวมีเกษรสีเหลือง ตำราเก่าบรรยายว่าหัวเหมือนหัวกระเทียมโทน (แต่กระเปาะไม่ใหญ่เท่า) มีกลิ่นหอมเหมือนน้ำมันจันทน์ ฟอร์มต้นและดอกคล้ายต้นหญ้าแห้วหมูตัวผู้ แต่หัวของเสน่ห์จันทน์ทองจะเป็นกลีบกระเปาะสีทอง นั่นคือที่มาของชื่อว่านนี้ อีกทั้งหัวและช่อดอกจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ บ้างก็ว่าคล้ายน้ำมันจันทน์ จึงได้นามว่าเสน่ห์จันทน์นั่นเอง บางตำราว่าเมื่อเอามือไปขยี้ดอกกลิ่นจะติดมืออยู่นานมาก (เอาเข้าจริงก็ไม่ขนาดนั้นครับ และก็หอมไม่มากด้วย)

* ว่านต้นนี้มองดูคล้ายกับแห้วหมูตัวผู้ เพียงแต่แห้วหมูตัวผู้หัวขนาดเล็กกว่ามากและมีกลิ่นเหม็นฉุน(เหม็นเขียว) ดอกก็คล้ายๆกันด้วย
การปลูก
ปลูกด้วยหัว (เม็ดไม่ค่อยงอก) โดยเอาดินมากลบหัวว่านที่มีอยู่ให้พอดี แล้วใช้น้ำรดพอเปียกชุ่ม
ใช้ดินร่วนๆ ผสมทรายหยาบนิดหน่อย ลงกระถางทรงเตี้ยปากบาน ถ้าจะลงเป็นแปลงพรวนดินให้ร่วยซุย ลงหัวเป็นระยะๆ จะขึ้นสวยงามมาก ว่านนี้เป็นว่านเสี่ยงทายด้วย เวลาปลูกจึงมีเคล็ดว่าให้ปลูกตรงกับวันเกิดของเจ้าของว่าน เช่น วันอาทิตย์ จันทร์ฯ หรือวันเกิดจริงๆยิ่งดี
การปลูกให้งาม
เปลี่ยนดินที่มีฮิวมัสทุกๆปี หมั่นแยกหัวทุกๆฤดูแล้ง เพื่อไม่ให้เกิดชื้อราที่หัว หรือปรากฎการลูกกินแม่ การใส่ปุ๋ยให้ใส่ปุ๋ยคอกที่ค้างปีหรือแห้งสนิท ทยอยใส่ทีละน้อย ว่านนี้เน้นแดด 80% และควรกู้หัวผึ่งลมหรือปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติ พอถึงฤดูฝนก็ให้น้ำหรือทิ้งให้แห้งสักครึ่ง – 1 เดือนก็รดน้ำได้
* การใส่ปุ๋ยคอกใช้ได้แต่ขี้วัว โดยต้องมีการสะตุ และชำระด้วยคำภาวนา …(บังวิชา) ถ้าไม่เคยเรียนวิชานี้เน้นให้งดปุ๋ยคอกครับ ว่านจะเสื่อม
ประโยชน์
ปลูกไว้มีคุณในทางเสน่ห์ เป็นเสน่ห์แบบสง่าราศรี ช่วยให้ค้าขายดี หนุนชูชีวิต คล้ายๆกับกลุ่มว่านเศรษฐีเช่นกัน แต่เป็นการดีขึ้นจากคนอุปถัมป์ จากที่สัมผัสมาหลายต่อหลายต้น ว่านนี้ให้คุณขึ้นกับสายพันธ์และการเสกอันยาวนานของแต่ละสำนัก เรียกว่าหน้าตาอาจเหมือนกันแต่ข้างในอาจไม่เหมือนกัน
ตัวอย่าง การลงน้ำมันให้ว่านเสน่ห์จันทน์ทอง ปลุกเศกและคืนฤทธิ์ว่านให้แก่ว่าน จนมั่นใจว่าดีจริงแล้วจึงส่งครับ
การใช้
ใช้ดอกหรือหัว แช่ในน้ำมันหอม แต้มคิ้วทาปาก แต้มตามตัวใช้ในทางเสน่ห์เมตตา (เสน่ห์แบบสง่าราศรี) เสกด้วยคาถาที่รดน้ำ
คาถาเสกน้ำรด
ก่อนรดน้ำเสกด้วยคาถา
- ถ้าทางเมตตา ใช้คาถา หัวใจอิธะเจ และหัวใจสังคหะ: “อิทะคะมะ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะมะอะอุ จิเจรุนิฯ”
- ถ้าทางโชคลาภใช้: “มหาลาโภ โหตุ ภวันตุเม”
เรียบเรียงโดย
อรรถวัติ กบิลว่าน
๑๖ – ๑๗ ม.ค.๖๔
สวัสดีวันครู เริ่มต้น มหากาพย์บทความเรื่องว่าน เพื่อระลึกถึงองค์ความรู้ที่ได้ถ่ายทอดจากครูหลายๆท่านครับ….
ราคามาตรฐานบ้านสวนสุขสบาย
ชุดละ 300 บาท พอปลูก 1 กระถางโดยจะได้ทั้งสองสายพันธ์ (ต้น อ.นพคุณ และต้น อ.จัย) ประมาณ 4-6 เดือนจึงจะแบ่งขายครั้งหนึ่ง


