ว่านพระตะบะ
เป็นว่านสำคัญที่มีคุณประโยชน์อย่างยิ่ง ควรจะหามาปลูกไว้ในบริเวณบ้านของทุก ๆ ครอบครัว
ลักษณะ
ต้นเหมือนต้นขมิ้นอ้อย ทั้งต้นและใบมีสีเขียว หลังใบมีคราบคล้ายใบลิ้นเสือ หัวเหมือนขมิ้นอ้อยแต่ใหญ่กว่านิดหน่อย ตะเกียงยาวก้าวก่าย มีรสร้อนฉุนจัด เนื้อในมีสีขาว แสดงลักษณะว่ามีธาตุปรอทที่มีอิทธิฤทธิ์มาก
ประโยชน์
ใช้ป้องกันภูตผีปีศาจได้เก่งนัก แม้แต่ใบหรือราก หรือดินที่ปลูกว่านนี้เมื่อเอาซัดเข้าไปยังผู้ที่ถูกปีศาจสิงอยู่ สามารถขับไล่ปีศาจออกได้ หากมีว่านนี้ติดตัวไปด้วยภูตผีทั้งปวงกลัวยิ่งนัก ไม่กล้าสำแดงฤทธิ์เดชอภินิหารอย่างใด ๆ ใช้กับผีได้ทุกชนิดหมด ตลอดทั้งพรายน้ำพรายบก และพรายอากาศทั่วไป ผู้ที่ถูกปีศาจเข้าสิงอยู่พอแลเห็นผู้มีว่านนี้เข้ามักจะแสดงอาการเกรงกลัวให้เห็นเป็นพิรุธทันที
ว่านนี้จึงใช้กันตัวได้ทุกแห่งหน จะไม่มีปีศาจชนิดใดมาสำแดงการหลอกหลอนได้เลย จนตลอดทั้งตามป่าดงพงสูง ผีป่า ผีปอบ ผีชมบ ผีที่มีชื่อใด ๆ ก็ตามย่อมเกรงกลัวว่านนี้ทั้งสิ้น
ปีศาจเข้าใครอยู่ เอาว่านนี้ไปซุกไว้ใต้ที่นอนโดยไม่ให้รู้ตัว มันจะกระโดดลุกหนีเพราะปรากฏว่า ที่นอนนั้นร้อนเป็นไฟแก่มันขึ้นมา ปีศาจใดหากกลัวพอถือว่านนี้เข้าไปใกล้ก็จะล้มลงชักในทันที
การคลอดบุตรไม่ต้องใช้ยันต์ เพียงแบ่งหัวว่านนี้ผูกแขวนไว้ตรงหัวนอนหญิงคลอดบุตร และแขวนไว้ที่กระโจมเด็กเพียงชิ้นเล็ก ๆ ก็สามารถป้องกันได้ทุกอย่าง เด็กนอนสดุ้งผวา เอาว่านผูกข้อมือจะหลับสบาย ผู้ใหญ่หลับตาเห็นแต่ภูตผีปีศาจ เอาว่านนี้ใส่ไว้ใต้หมอนก็จะหายได้ มีว่านนี้อยู่กับตัวพรายแม่ที่ตายไปจะมารบกวนลูกไม่ได้ และพรายลูกที่ตายไปก็ไม่อาจมารบกวนแม่ได้เช่นเดียวกัน
สำหรับในรายที่เข้าทรงเจ้า ถ้านำว่านนี้เข้าไปถามว่าวานคืออะไร หากเป็นเจ้าเข้าทรงจริงจะรู้จัก ทั้งบอกถูกทั้งชื่อสรรพคุณของว่าน แต่ถ้าเข้าทรงเท็จคือหลอกลวงแอบแฝงหากินโดยไม่มีใครเข้าทรงก็จะไม่รู้จัก พวกพระภูมิเทพเจ้าหรือเทพารักษ์ทุกคนรู้จักว่านนี้ดีทั้งนั้น เพราะว่านนี้ไม่มีอิทธิฤทธิ์อย่างใดแก่ท่านเหล่านั้น ว่านนี้ขับผีปู่ย่าตายายไม่ออกเป็นแต่กลัว เมื่อเห็นว่านนี้เข้าก็จะรีบออกตามความต้องการที่มารบกวนแล้วก็ออกไป
ทางที่ดีนั้นควรเอาว่านนี้ใส่ตลับแขวนห้อยคอไว้ จะป้องกันในทางปีศาจได้ทุกชนิดทุกอย่างหมด หากมีผีป่ากินคน โดยมีอาการท้องร่วงเหมือนอหิวาให้ใช้หัวว่านนี้ฝนละลายน้ำให้กิน ก็จะหายได้เหมือนกัน
ว่านนี้ มีมากทางถิ่นที่พวกข่าขัดหรือข่าระแดอยู่ทางฟากฝั่งประเทศลาว หรือทางเกรี่ยง, ละว้า แถว ๆ ไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรีก็มีบ้าง ออกจะหายากเพราะหวงแหนกันนัก
การปลูก
ใช้ดินปนทรายผสมกระเบื้องเผาไฟทุบให้แหลกละเอียด เอามาเป็นดินปลูก พอกลบหัวว่านมิด เอาน้ำเศกด้วย “นะโมพุทธายะ” ๓ จบ รดอย่าให้โชกใช้ได้
บทคัดลอกจาก “ตำราคุณลักษณะว่านและวิธีปลูกว่าน” โดย สมาคมพฤกษชาติแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
รวบรวมและเรียบเรียงโดย นายเลื่อน กัณหะกาญจนะ
เผยแพร่โดย ทีมงาน www.farmssb.com