ว่านแสงอาทิตย์ หรือว่านแสงไฟ
Haemanfhus multiflorus (Martyn) วงศ์ (Amaryllidaceae)
ลักษณะ
ต้น ก้าน และใบคล้ายหมากผู้หมากเมีย เช่นเดียวกับว่านมหาประสาร หรือว่านเสือ แต่ใบป้อมและเนื้อใบคล้ายใบกล้วย หน้าใบเขียวนวล มีเป็นพรายปรอท ต้นและท้องใบโดยปกติมีสีแดงเรื่อ ๆ แต่เมื่อถูกแสงไฟหรือแสงอาทิตย์เข้า ใบจะห่อท้องใบจะเป็นสีแดงคล้ำคล้ายสีเม็ดมะปราง มีเงาสะท้อนเป็นประกายแสงออกมา หัวออกหน่อติดต่อกันคล้ายข่า หัวใหญ่คล้ายกับว่านแสงทอง แต่มีสีแดง ขอให้สังเกตว่าต้นแดง ยอดแดง และตามก้านใบก็แดงตลอดไปทั้งก้าน ชอบขึ้นในที่เย็น ๆ มีแสงแดดส่องถูกรำไร เป็นว่านที่ขึ้นงอกงามอยู่ได้ทั้งปี ไม่โทรมในฤดูหนาวหรือฤดูร้อนอย่างว่านอื่น ๆ
ประโยชน์
ว่านนี้มีอิทธิฤทธิ์มาก ใครหามาปลูกไว้ได้ ท่านตีค่าไว้ถึงแสนตำลึงทอง เมื่อเวลาจะไปเอาว่านนี้มาตามตำราท่านให้ถือศีล ๕ ศีล ๘ เสียก่อน จงระวังอย่าให้เงาว่านทับเงาเราได้ และขณะทำการขุดก็ต้องบริกรรมคาถา “อิติปิโสภควาถึงภควาติ” ๓ จบ แล้วจึงขุดเอาว่านนี้มาได้ และเวลาจะใช้ว่านนี้ ไม่ว่ากิน จะฝนหรือจะนำติดตัวเอาไปไหน ๆ ต้องว่าคาถากำกับ เพื่อก่อให้เกิดอิทธิฤทธิ์แน่วแน่และมั่นคงจริง ๆ คือ “นะโมพุทธายะ” ๓ จบ หรือจะว่า “อิติปิโสภควาถึงภควาติ” ๓ จบเหมือนกันอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือจะว่าทั้งสองอย่าง ๆ ละ ๓ จบ สลับกันไปก็ได้ แล้วจึงนำไปทำตามความประสงค์ ก็จะประสิทธิผลทุกอย่าง
ตามตำราเดิมนั้นกล่าวว่า ถ้าผู้ใดกินว่านนี้เข้าไปแล้วจะสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ ถ้าทาตาเข้าก็อาจจะแลเห็นไปทั่วตลอดถึงชั้นฟ้าและบาดาล ทั้งสามารถล่องหนหายตัวได้ คือคล้ายกับว่าเป็นผู้สำเร็จปรอทหรือสำเร็จว่านนั่นเอง แต่มีเคล็ดอยู่ว่าก่อนจะทำนั้นจะต้องเข้าพิธีมณฑลชำระตัวและจำศีลภาวนาจนเกิดสมาธิขึ้นแล้ว จึงจะประสิทธิ์ผลสมประสงค์
อีกตำราหนึ่ง อธิบายความในตอนกระทำพิธีไว้ชัดเจนว่า “ก่อนอื่นให้เอาหัวว่านมาล้างน้ำให้สะอาดแล้ว เอามาตำโขลกให้ละเอียดใส่พานไว้ อธิษฐานตั้งอยู่ในความสัตย์ และทรงศีลบริสุทธิ์ (คือถือศีล ๕ ศีล ๘ บริสุทธิ์บริบูรณ์) แล้วบริกรรมด้วยคาถา “นะโมพุทธายะ” ตั้งจิตแน่วแน่เป็นสมาธิเพ่งอยู่ในตัวยาในพานนั้น จนเกิดนิมิตแลเห็นภาพพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ มาปรากฎแจ่มชัดขึ้นจากตัวยา โดยแลเห็นได้ด้วยสายตาของตนเองในการภาวนา “นะโมพุทธายะ” เมื่อเกิดนิมิตรเช่นนี้แล้ว จะเป็นผลทำให้เกิดมหิทธานุภาพขึ้นแก่ว่านที่ทำไว้นั้น สามารถดลบันดาลอภินิหารให้เกิดมีขึ้นได้ เช่นเมื่อกินเข้าไปสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ และบรรดาโรคภัยไข้เจ็บใด ๆ ที่มีอยู่ในร่างกายแต่เดิมก่อนกินก็จะค่อยบรรเทาหายจนหมดสิ้น หากทาตาก็สามารถมองไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้า ตลอดถึงภาคพิภพได้โดยบังเกิดเป็นทิพจักษุขึ้นมาทันที ดังนี้เป็นต้น
การปลูก
เมื่อล้างหัวว่านสะอาดดีแล้ว เอาดินปนทราย หรือดินสีแดง เอามาเป็นดินปลูก อย่ากดดินที่กลบหัวว่านให้แน่นนัก น้ำสำหรับรดต้องเศกด้วย “นะโมพุทธายะ” ๓ จบก่อนจึงรด อย่าให้โชก ข้อสำคัญระวังในเรื่องความโสโครกสกปรก และไม่เป็นศิริมงคลอย่าให้เข้ามาใกล้กรายสถานที่ว่านนี้ปลูกอยู่เป็นอันขาด ชื่อที่เรียกกัน ว่านตะกร้อ, ว่านกระทุ่ม (พายัพ) อังกฤษเรียก Blood lily
บทคัดลอกจาก “ตำราคุณลักษณะว่านและวิธีปลูกว่าน” โดย สมาคมพฤกษชาติแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
รวบรวมและเรียบเรียงโดย นายเลื่อน กัณหะกาญจนะ
เผยแพร่โดย ทีมงาน www.farmssb.com